วันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550

Charlie Brown


ชาลีเป็นหมาตัวแรกของบ้านเรา หลังจากที่เฝ้าเพียรพยายามขออนุญาตป๊ามาหลายปี จนวันนึงเราเลยต้องใช้วิธีจู่โจมแบบไม่ให้ป๊าได้ทันตั้งตัวคือไม่ขอแต่ไปเอามาเลี้ยงเลย ชาลีเป็นหมาบ้านนอก นั่งรถมาจากจังหวัดกำแพงเพชร เพื่อนกิ๊บชื่ออ้อเป็นผู้บริจาค ตอนแรกขอ 1 ตัวแต่อ้อบริจาคมา 3 ตัว อีก 2 ตัวเลยต้องเอาไปให้เพื่อนม๊าช่วยเลี้ยง ตอนมาใหม่ ๆ ชาลีตัวเล็กที่สุดในจำนวนทั้ง 3 ตัว กินน้อยที่สุด และดูเหมือนจะซ่าส์น้อยที่สุด ถ้ามีคนมาถามว่าชาลีเป็นหมาพันธุ์อะไร เราก็จะตอบด้วยความภูมิใจว่าเป็นหมาพันธุ์ thousand ways คือหมาพันธุ์ทางผสมระหว่าง ชิสสุ กับพุดเดิ้ล เลยออกมาเป็นชาลี หมาที่ใคร ๆ ชอบเดากันว่าถ้าไม่ใช่สปิต ก็ต้องเป็น เทอร์เรีย อย่างแน่นอน แม้กระทั่งสัตวแพทย์ก็ยังเข้าใจว่าชาลีเป็นหมาพันธุ์สปิต ผสมเทอร์เรีย...

ชาลีอายุประมาณ 10 กว่าขวบ แต่กว่าเท่าไหร่พวกเรามักจะจำกันไม่ค่อยได้ ต้องอาศัยช้างเป็นผู้ช่วยจำ โดยคำถามที่เรามักจะถามช้างเป็นประจำคือ ช้างมาเรียนที่กรุงเทพได้กี่ปีแล้ว ? ที่ต้องถามคำถามนี้ก็เพราะชาลีเข้ากรุงเทพปีเดียวกับช้าง 5555 ปีที่พวกเราเอาชาลีมาเลี้ยงเป็นปีที่ช้างสอบเข้ามาเรียนที่โรงเรียนเตรียมได้

นอกจากจะเข้ากรุงปีเดียวปีเดียวกับช้างแล้ว ชาลียังเกิดปีหนูเหมือนเฮียกอล์ฟ กับป้าเหลงอีกด้วย โดยชาลีห่างกับเฮียกอล์ฟ 2 รอบ ห่างกับป้าเหลงไม่มาก... แค่ 5 รอบ (60ปี) เอง ฮิฮิ

ชาลีเป็นหมาตัวผู้ที่ได้รับการทำหมันแล้ว จริง ๆ การพาชาลีไปทำหมันไม่เคยอยู่ในหัวสมองหรอก ถ้าไม่เพราะช่วงที่ชาลีเป็นหนุ่ม ชาลีไม่เที่ยวไปทำอนาจารกับมนุษย์ในบ้านทุกคน ซึ่งรวมถึงหนิง และป้าเหลงที่มาที่บ้านทุกอาทิตย์ เป็นที่น่าอับอายแก่ป๊า ม๊าเป็นอย่างมาก จนขนาดต้องออกปากว่า ถ้าชาลีไม่ทำหมัน ชาลีคงต้องไปอยู่บ้านอื่น ซึ่งก็คงจะเป็นบ้านป้าเหลงเพราะชาลีจะตั้งตาเฝ้ารอคอยการมาของหนิงทุกอาทิตย์ ไม่ว่าใครจะมาบ้านก็ไม่ตื่นเต้นดีใจเท่ากับเห็นหนิงมา....เรื่องนี้ขอไม่เล่าต่อ อาจติดเรทได้ โปรดไปจินตนาการกันเอาเอง

นอกจากทำหมันแล้ว ทุก 2 เดือนชาลียังต้องถูกพาไปหาหมอเพื่อฉีดยาป้องกันพยาธิใบไม้ในตับ (พยาธิหนอนหัวใจ) ตัดเล็บ ถอนขนหู และอะไรต่อมิอะไรจิปาถะ ชาลีเป็นหมาตัวเดียวที่หมอจะไม่ยอมให้บริการถ้าเจ้าของไม่ผูกปากก่อน หน้าร้านหมอจะมีร้านรับอาบน้ำตัดขนซึ่งชาลีก็ไม่มีสิทธิ์ใช้บริการเนื่องจากถูก blacklist เพราะความดุของมันได้เลื่องลือขจรขจายไปทั่วเทเวศร์และฝั่งพระนคร

มีอยู่วันหนึ่งหลังจากที่เราได้ย้ายบ้าน เราต้องโทรไปแจ้งคนส่งน้ำให้มาส่งน้ำอีกที่บ้านใหม่ ป๊าเพียรพยายามอธิบายให้คนส่งน้ำฟังทางโทรศัพท์ว่าบ้านเราบ้านเลขที่ 60 ถนนพิษณุโลก คนส่งน้ำก็จำไม่ได้ว่าบ้านไหน เพราะเค้าส่งน้ำในละแวกเทเวศร์ บางลำพู เป็นร้อย ๆ บ้าน จนชาลีเห่าคนแปลกหน้าที่เดินผ่าน ป๊าเลยบอกว่า "บ้านชาลี บ้านชาลี" คนส่งน้ำก็ "อ๋อ บ้านชาลีเหรอ เออ รู้จัก" เพราะทุกครั้งที่เค้ามาส่งน้ำ คนในบ้านก็จะตะโกนว่า "ชาลี ชาลี เบา ๆ หน่อย หยุดเห่าได้แล้ว"

ชาลีตัวเล็ก หน้าซึ่อ มีอาชีพหลักคือเห่าและกัดคนแปลกหน้า และไม่แปลกหน้า เหยื่อของชาลีเท่าที่จำได้ก็มี คนส่งปิ่นโตเอสแอนด์พี (ศัตรู number 1 เพราะมาทุกวัน) คนส่งน้ำ ช่างนุ เฮียอัง ซาเจ็ก ตุลย์ ตั๋ง จอย ใหม่ หนิง ป้าเหลง ส่วนคนในบ้านไม่ต้องพูดถึง โดนมาหมดทุกคนแล้ว

นอกจากคนส่งปิ่นโตของเอสแอนด์พีแล้ว ศัตรูอันดับ 1 ของชาลีที่ไม่ใช่มนุษย์ก็คือ แมว ชาลีเกลียดแมวเป็นชีวิตจิตใจ เคยมีครั้งนึงมีแมวเดินผ่าน ชาลีกระโจนพุ่งหลาวเพื่อจะไปสู้กับแมวที่บังอาจมาเดินบิดก้น เยาะเย้ย ป๊าตกใจมากรีบเข้าไปห้ามเพราะกลัวแมวซึ่งตัวเล็กกว่าชาลีนิดหน่อยจะได้รับบาดเจ็บ แต่ผลปรากฏว่าป๊าต้องเป็นหน่วยปฐมพยาบาล เป็นผู้หอบหิ้วพาชาลีไปหาหมอ เนื่องจากชาลีโดนแมวข่วนเข้าที่ใบหน้า เลือดไหลเป็นทางยาว เฉี่ยวตาขวาไปหน่อยเดียวเท่านั้น เป็นที่หวาดเสียวแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก วันนั้นนอกจากชาลีจะบาดเจ็บสาหัสแล้ว ป๊ายังต้องเสียเงินค่าทำแผล ฉีดยาไป 500 บาท หลังจากเหตุการครั้งนั้น ความเกลียดแมวของชาลีก็ดูเหมือนจะมีแต่จะมากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นเป็นเห่า เห็นเป็นเห่า ทุกครั้งที่เห่าแมว ป๊าก็จะตะโกนขึ้นมาทันทีว่า " 500 นะเว้ย ชาลี" และก็ดูเหมือนว่าหลังจากนั้น ชาลีก็ได้แต่เห่า แต่ไม่มีการทำท่าจะกระโจนเข้าไปหาแมวแบบก่อน ๆ อีกแล้ว ฮา.......

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

พี่ก้อยยย...
ชอบบบบบบบบบบบ ชาลีจังเลยยยย