วันศุกร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2551

ไป Hanoi มา (ตอนจบ)

เนื่องจากช่วงนี้ ทั้งงานราษฏร์ และงานหลวงรัดเนื้อรัดตัวจนปลีกตัวหาเวลามาเขียนต่อภาคจบไม่ได้ซักที ภาคจบนี้จึงขอเขียนแบบรวบรัด เอาง่ายเข้าว่าล่ะกัน

พอกลับมาจากฮาลองเบย์ วันรุ่งขึ้นคุณเล็กก็เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว ขอพักผ่อนนอนอุดตุด และแพ้บายอาหารเช้า พวกเรา 5 สาว (แก่ ๆ) จึงตัองออกมาผจญภัยในแดนมหัศจรรย์กันเอง ผลปรากฏว่าเป็นไปตามคาด (ควายยังเดาได้เลย) ว่า หลงแหลก หลงแล้ว และหลงอีก หลงเป็นชั่วโมงกว่าจะเดินไปเจอร้านอาหารเช้าที่เราหมายมั่นปั้นมือไว้ตั้งแต่เมื่อวานตอนเดินผ่าน (ตอนเดินตามน้องไกด์ไปรับแขก) ชื่อร้าน Tamarind ก็รู้ ๆ อยู่ว่าความกระแดะ และดัดจริตของพวกหมู่เฮาไม่เป็นสองรองใคร ถ้าถามพี่อ้วนว่าเราจะแพ้ใครได้บ้าง พี่อ้วนคงใช้เวลาคิดสักพัก ก่อนจะตอบว่า พวกเราคงจะแพ้ก็แค่ วิคตอเรีย เบคแฮ่ม... อย่าพึ่งอ๊วกแตกนะคะ เดี๊ยนเขียนเอง ยังจะอ๊วกเองเลยค่ะ ....อ่ะต่อ ร้าน Tamarind ก็คือร้านอาหารมังสวิรัติที่มีสาขาเกือบทั่วทุกภูมิภาคของทวีปนี้ ร้านสาขาที่ฮานอยนี้ อาหารเช้ารสชาดย่อมไม่ธรรมดาแหง ๆ อยู่แล้ว แม้จะไม่มีเนื้อสัตว์หลงติดมาเลย แต่ขอบอกว่าอร่อยมาก ทุกชนิด ทุกจาน ทั้งคาว หวาน หรือแม้แต่น้ำผลไม้ปั่นแสนธรรมด๊า ธรรมดา พอดีไม่ได้ถ่ายรูปร้าน Tamarind มา ถ่ายมาแต่ร้าน Tangerine ก็ดู ๆ ประกอบไปก่อนล่ะกัน

พอกินข้าวเช้าเสร็จ จะกลับโรงแรม ก็ตามคาดเช่นเดิม หลงแหลกค่ะ หลงไปหลงมา จนหลงกลับมาที่โรงแรม แล้วก็มารับคุณเล็กออกไปกินข้าวเช้าพร้อมกับคุณเล็กอีกรอบที่ร้าน little hanoi ร้านชื่อดังที่ได้รับการรับรองจากนิตยสารท่องเที่ยวทุกสถาบัน พวกเราก็ทำเนียนกินกับคุณเล็ก เสมือนมื้อนี้เป็นมื้อแรกของวันของพวกเราทั้ง 5 คน

ตกบ่ายก็พากันไป St. Joseph Cathedral สมัยเล็ก ๆ คุณครูสอนให้อ่านว่า ข่า-ตรี๊-ดอล อย่าอ่านผิดนะจ๊ะ เดี๋ยวจะเชย อันนี้เป็นรูปปั้นพระแม่มารี กับพระเยซูที่อยู่หน้าโบสถ์




ตกเย็นก็ไปสอบซ่อมกันใหม่ที่ Cafe 69 โทษฐานมาวันแรกแล้วครัวดันปิด Cafe 69 ไม่ทำให้เราผิดหวังจริง ๆ ค่ะ อร่อยสมคำร่ำลือ กินแล้วกินเล่ากินไปประมาณ 20 กว่าจานได้ แค่ 8 แสนดองเองจ๊ะ พี่อ้วนด้วยความกำลังเมาเบียร์ฮานอย เลยทิปน้องเด็กเสริฟไปคนละ 5 หมื่น ก่อนออกจากร้าน น้อง ๆ แทบจะมาอุ้มพวกเราไปส่งโรงแรม

ตอนออกมาจากร้าน พวกเราได้แยกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มปวดฉี่ กับกลุ่มฉี่แล้ว ข้าพเจ้า คุณเล็ก และจอย เป็นพวกกลุ่มฉี่แล้วก็พากันไปเดินสำรวจร้านอาหารที่พรุ่งนี้จะไป breakfast กัน ส่วนกลุ่มปวดฉี่อันประกอบไปด้วย พี่อ้วน พี่ปุ้น แอนด์เจ้ เนื่องจากธรรมชาติเรียกร้องให้ไม่สามารถรอพวกเราสำรวจร้านอาหารได้ จึงขอปลีกตัวกลับโรงแรมไปก่อน แต่เอ๊ะ ! พวกมันจะบ้ารึเปล่าว่ะ ไอ้ 3 ตัวนั่นหน่ะตัวหลงเลย แล้วมันจะกลับโรงแรมไปได้ยังไงฟ่ะ ? ตามคาดอีกแล้วครับท่าน ระหว่างทางคุณเล็กนึกขึ้นมาได้ว่า 3 คนนั้นหลงแน่ ๆ จึงรีบย้อนรอยไปตามหา ปล่อยให้จี้จอยพาข้าพเจ้ากลับโรงแรม เมื่อถึงโรงแรม ก็ปรากฏว่า 3 คนนั้นยังมาไม่ถึง ถึงก็แต่คุณเล็กผู้ตามหาพวกมันไม่เจอ คุณเล็กเลยต้องวิ่งฝ่าความหนาวกลับไปตามหาพวกมันอีกรอบ ซักพักใหญ่ ๆ มาก ๆ 3 คนนั้นก็ทุลักทุเลกลับมาถึงโรงแรม แต่คุณเล็กที่ไปตามหาคนแก่หายก็ยังไม่กลับมา อีกซักพักใหญ่ ๆ จัด ๆ คุณเล็กก็กลับมาโรงแรมด้วยสภาพเหงื่อแตกพลั่ก คิดดูขนาดอากาศหนาวขนาดนี้ แต่ทำคุณเล็กเหงื่อออกได้ สืบเนื่องมาจากคุณเล็กออกไปตามหาคนแก่ 3 คน แทบจะทุกตรอกซอกซอยของ Old Quarter ในฮานอย จนปลงแล้วว่า ถ้าจะต้องไปหาอีกทีคงต้องไปหาที่บ้านบางแค คุณเล็กเลยถอดใจกลับโรงแรมนอนดีกว่า หายก็ดีจะได้หาเมียใหม่มันเลย พรุ่งนี้ก็ปีใหม่แล้ว จาก แฮปปี้นิวเยียร์ ก็เป็นแฮปปี้นิวเมีย เอ้าเชียร์กันเข้าไป อ่ะต่อ ๆ ซักพักพอคุณเล็กพักหายเหนื่อย พวกเราก็ออกเดินทางกันต่อแม้ว่านั่นจะ 4 ทุ่มแล้วก็ตาม

ภาระกิจสำคัญของคืนนี้ก็คือการไป count down กับหนุ่ม ๆ สาว ๆ ชาวฮานอย พวกเราไปแวะ Pre count down กันก่อนที่ Papa Joe Cafe พอใกล้เที่ยงคืนก็พากันลงมายืนกันรอบ ๆ ทะเลสาบเกี๊ยมอี๋ ตามที่เห็นชาวฮานอยเค้ายืนมุงกัน อากาศคืนนี้หนาวเย็นเป็นใจมาก เหมาะแก่การ countdown เป็นอย่างยิ่ง พอมองนาฬิกา ก็เที่ยงคืน เอ๊ะ ทำไมไม่มีใครนับเลขเลย ซักพัก ฝั่งตรงข้ามเลค มีการจุดพลุ 1 ลูก 1 ที แล้วก็หายไป 10 นาทีแล้วก็จุดอีก 1 ลูก หายไปอีก 5 นาทีเห็นข้าง ๆ จุดโอ่ง 3 โอ่ง (โอ่งเล็ก ๆ แบบที่บ้านเราเค้าจุดตอนสงกรานต์) จะเที่ยงคืนครึ่งแล้วไม่เห็นมี count down ซักที มองไปข้าง ๆ คนก็ทยอยกันขี่รถเครื่อง (มอเตอร์ไซด์) กลับกันแล้ว อ้าว ! ตกลงเสร็จแล้วเหรอ ? นี่หรือ Count down ที่พวกเราใฝ่ฝันกันไว้ตั้งแต่อยู่บางกอก ? ระหว่างเดินกลับโรงแรม ก็อวยชัยให้พรหนุ่มสาวชาวเวียดกันขนานใหญ่ ว่ามันจะแหกตาฝ่าความหนาวมาดูพลุ 2 ดอกกับโอ่ง 3 โอ่งทำอีหยังอะไรฟ่ะ นับเลขก็ไม่ยอมนับ .... 9 8 7 6 5 4 3 2 1 Happy New Year นี่แหนะ นับแทนให้เลย ..... รูปข้างล่างเป็นทะเลสาบเกี๊ยมอี๋ตอนกลางวัน



ท่านผู้อ่านอดทนหน่อย ใกล้จบเต็มแก่แล้ว เมื่อกลับถึงพี่พักประมาณตี 1 ฝ่า ๆ ก็ยังอวยคนเวียดกันไม่เลิกจนหลับคาเตียงมันนั่นแหละ วันรุ่งขึ้นเป็นวันกลับ คุณเล็กและพี่อ้วนผู้ยังไม่หายเมา ก็ขอบายอาหารเช้า ปล่อยให้พวกเราไปเผชิญชะตากรรมใยแมงมุมกันเอง 4 สาว(แก่ ๆ) เมื่อไปถึงร้าน ปรากฏว่าร้านยังไม่เปิด พวกเราจึงนั่งแท๊กซี่กะจะไปร้าน Papa Joe กันอีกรอบ ระหว่างทางรถติดไฟแดง มองตรงไปเห็นร้าน Little Hanoi พอดี จึงบอกแท๊กซี่ด้วยภาษาอะไรก็จำไม่ได้ว่าจะลงแล้ว พร้อมกระโดดลงมันหน้าร้านนั่นเลย ฟาดอาหารเช้าสไตล์ฝรั่งเศสแล้วก็พากันไปเดินช๊อปปิ้ง แล้วค่อยกลับโรงแรมไปรับ 2 สามีภรรยาช่วงบ่าย และที่พวกเราสามารถไปไหนมาไหนกันแบบไม่หลงก็เพราะจี้จอยจำทางได้แล้ว รูปข้างล่างเป็นตึกใจกลางเมืองฮานอยที่อยู่ตรงหน้าทะเลสาบเกี้ยมอี๋

ก่อนไปสนามบิน พวกเราก็พากันไปเดินช๊อปปิ้งกันอีกรอบ แล้วก็นั่งรถถีบ ไปกินอาหารกลางวันภาคบ่ายที่ร้าน Au Lac อากาศหนาวมาก แต่ก็ยังกระแดะนั่งกินในสวนที่ต้องจุดไฟให้แขกที่มากินข้าวผิงกัน ร้านนี้ได้รับการเร๊คคอมเมนจาก lonely planet ว่ามีกาแฟที่อร่อยที่สุดในเมืองฮานอย พอกินกาแฟกันเข้าไปคำแรก อยากจะร้องกรี๊ด อร่อยมาก ๆ จริง ๆ ค่ะ กาแฟมีกลิ่นไหม้ ๆ หอม ๆ อร่อยสุด ๆ เมื่อดื่มด่ำกับกาแฟและอาหารกลางวันเสร็จก็กลับโรงแรมเพื่อเตรียมให้รถบัสมารับไปสนามบิน

ตอนแรกก็กะว่าจะจบแค่นี้ แต่ดันมีเหตุการณ์ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เหมือนกับว่าฮานอยมันรู้ว่าพวกเราจะไม่กลับไปหามันอีกแล้ว มันเลยทิ้งทวนเราซ่ะเลย ก็ไอ้ตอนที่นั่งรถบัสเล็กกลับ เฮียคนขับรถ ใส่แว่นเรย์แบนด์ ก็เปิดเพลงลูกทุ่ง version เวียดนามเสียงดังสนั่นเมือง เปิดไปก็ปาดซ้าย ปาดขวา เดี๋ยวก็เหยียบเบรค สลับกับเหยียบคันเร่ง แตรไม่ต้องพูดถึง กดทุก 5 วินาที เสียงแตรสลับกับเสียงเพลงลูกทุ่ง เพลิดเพลินอีหลี มารู้ตัวอีกทีก็รู้สึกว่า เอ๊ ! ทำไมเหมือนกับกาแฟ Au Lac ที่กินไว้มันจะกลับออกมา พอจะหันกลับไปถามพี่อ้วน ก็เห็นพี่อ้วนกำลังผลัดกันดมยาดมกับคุณเล็ก ส่วนเจ้ก็หมดสติหลับคาเบาะ พี่ปุ้นกับจึ้จอยผู้อึดเสมอต้นเสมอปลายก็กำลังดมยาดม สลับกับควานหาลูกอมมาอมกันให้จ้าละหวั่น โอ๊ย อะไรนี่เฮีย ต.ผ (ตีนผี) เป็นบ้าเปล่าเนี่ย ซักพักรถติดไฟแดง ข้าพเจ้าด้วยความที่นั่งหน้ากับเฮียคนขับ เลยใช้ความไร้มารยาทสุดขีด เอามือไปกดปิดเพลงเฮียมันเลย เอากันซึ่ง ๆ หน้านี่แหละ ไม่ขออนุญาตด้วย ใครจะทำไม แต่ระดับเฮียมีหรือจะยั่น เฮียไม่สนฮ่ะ แถมเฮียก็ไม่ว่าข้าพเจ้าด้วย แต่เฮียกลับทำแสบกว่าเดิม โดยร้องและฮัมเพลงลูกทุ่งเวียดให้พวกเราฟังสด ๆ เป็นระยะ ๆ ไม่น่าเลยตู ไม่น่าไปปิดวิทยุเฮียเลย เลยต้องมารับกรรมแบบ super กรรม..... ทนไปจนเห็นสนามบินนอยใบไกล ๆ ใจก็ชื้น ทุกคนเลยพากันข่มขู่พี่อ้วนก่อนลงจากรถว่า ถ้าพี่อ้วนทิปไอ้เฮีย ต.ผ. นี่ พี่อ้วนต้องโดนดีแน่ ๆ แล้วพี่อ้วนก็ไม่ทำให้เราผิดหวังพอรถขับเข้าไปในสนามบิน พวกเราแทบจะกระโดดลงจากรถก่อนรถจอดด้วยซ้ำ แล้วพวกเราก็พากันเดินสะโหลสะเหล๋ ไปเช็คอินกลับกทม. กันอย่างหมดสภาพ....เฮ้อ

เฮ้อ คือดีใจที่ได้ลงจากรถซ่ะที แล้วก็ดีใจที่เขียนจบซ่ะที

ไม่มีความคิดเห็น: